สอนเคล็ด “สมัคร” ทำงานกับสื่อ

วันที่ 5 พ.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ยกเลิกการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในทุกวันอังคาร และวันศุกร์ เนื่องจากถูกสื่อมวลชนตำหนิการพูดจานั้น นายองอาจกล่าวว่า การที่สื่อมวลชนสอบถามนายสมัครนั้น สื่อมวลชนเองไม่ได้ต้องการที่จะให้นายสมัครเปลี่ยนนิสัย หรือรสนิยม ค่านิยมแต่อย่างใด ส่วนนายสมัครจะชื่นชอบอย่างไรนั้นถือเป็นเรื่องของนายสมัคร แต่การที่สื่อต้องสัมภาษณ์ ตรวจสอบการทำงานของนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลนั้น เพื่อเป็นการให้ข้อมูลต่อประชาชน สนองต่อความต้องการข่าวสาร ตามสิทธิของประชาชน ดังนั้น สื่อจึงมีสิทธิ์ที่จะสอบถามหรือตรวจสอบการดำเนินการต่างๆของตัวนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล อย่างไรก็ตาม นายสมัครเองก็มีสิทธิ์ที่จะตอบข้อซักถามหรือไม่เช่นกัน แต่ประชาชนจะไม่ทราบถึงการทำงานของตัวนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐบาลด้วย ถือเป็นสิ่งที่นายสมัครเองจะต้องทบทวน

อย่าใช้สื่อของรัฐระบายความรู้สึก

นายองอาจกล่าวอีกว่า ส่วนรายการสนทนาประสาสมัครที่นายสมัครจะดำเนินรายการต่อไป อยากฝากว่าควรใช้สื่อของรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว เพราะเท่าที่ติดตามดูในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา พบว่านายสมัครใช้สื่อของรัฐในทางที่ผิดหลายเรื่อง คือ 1. พบว่านายสมัครใช้รายการเพื่อระบายความรู้สึกส่วนตัว ในเรื่องที่ตนเองชอบและไม่ชอบ 2. นายสมัครใช้รายการเพื่อปกป้องคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศ 3. นายสมัครใช้รายการเพื่อการด่าว่าสื่อมวลชน ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตนเองและรัฐบาล ซึ่งหากนายสมัครต้องการจะชี้แจงอะไรก็ไม่ควรใช้ถ้อยคำในลักษณะที่รุนแรง 4. หลายครั้งนายสมัครใช้วาจาที่ไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นสิทธิ์ในการจัดรายการของนายสมัครแต่ตัวนายสมัครควรระวังข้อสังเกตทั้ง 4 ข้อดังกล่าวและสำนึกว่าจะต้องทำงานเพื่อประโยชน์ร่วมรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน

จี้เร่งแก้ปัญหาปากท้องชาวบ้าน

นายองอาจกล่าวอีกว่า ขณะนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในเรื่องปัญหาปากท้องกันเป็นจำนวนมาก โดยได้รับผลกระทบกันทั่วประเทศเพราะราคาสินค้ามีแต่ขยับขึ้น โดยรัฐบาลไม่มีมาตรการป้องกันล่วงหน้าหรือแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีแต่มาตรการเสริมที่เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเป็นมาตรการที่ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงเลย ขณะนี้สินค้าที่ขึ้นราคาเกือบ 100% ก็มีข้าวสาร แก๊สหุงต้ม น้ำมันพืช เนื้อสุกรชำแหละ ไก่สด น้ำตาลทราย ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามราคาที่กรมการค้าภายในกำหนดและมีการขยับขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแก๊สหุงต้มขนาด 15 กก. น้ำมันพืชขนาด 1 ลิตร ปรับขึ้นไปเกือบ 10 บาทต่อขวด นอกจากนี้ สินค้าในท้องตลาดอื่นๆ ก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากโดยไม่สนใจราคาที่กรมการค้าภายในกำหนดไว้

แขวะ “เฉลิม” มีปมด้อยแพ้เลือกตั้ง

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย จะปรับโครงสร้าง กทม.เป็น 4 ส่วน โดยอ้างเรื่องความคล่องตัวในการทำงาน ว่า เป็นข้ออ้างที่ไร้เหตุผล เพราะการจะบริหาร กทม.จะโปร่งใสหรือไม่ไม่ได้เกี่ยวกับโครงสร้าง แต่อยู่ที่ตัวบุคคลต่างหาก “ร.ต.อ.เฉลิมมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อ กทม.มาโดยตลอด เพราะ ร.ต.อ.เฉลิมลงสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม.เมื่อปี 2547 คราวนั้นแข่งกับนายอภิรักษ์ ร.ต.อ.เฉลิมได้มาเป็นอันที่ 4 ได้ 1.6 แสนคะแนน ดังนั้น ถ้ามีผู้ว่าฯ กทม.ได้ 4 คน ร.ต.อ.เฉลิมคงได้เป็นผู้ว่าฯไปแล้ว ดังนั้น แนวคิดที่จะแบ่ง กทม.เป็น 4 ส่วนคงคิดว่าแบ่งแล้วตัวเองจะได้ แนวคิดนี้คงเป็นเรื่องปมด้อยของ ร.ต.อ.เฉลิมมากกว่า หลังจากจบการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนั้น หลายคนคงคิดว่า ร.ต.อ.เฉลิมคงจะจบชีวิตทางการเมืองไปแล้ว แต่วันนี้ได้ใบบุญจากพรรคพลังประชาชนก็เลยกลับมาอีก” นายเทพไทกล่าว

3เดือนไร้ผลงานดีแต่เช็กบิลคู่แข่ง

นายเทพไทกล่าวอีกว่า อยากให้ ร.ต.อ.เฉลิมสนใจเรื่องการปกครองส่วนท้องถิ่นในความรับผิดชอบของตัวเอง เพราะตอนนี้การถ่ายโอนงบประมาณ 35% ยังไม่ได้ทำ บทบาท 3 เดือนที่ผ่านมาของกระทรวงมหาดไทยยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ผลงานที่เด่นเป็นชิ้นโบแดงก็เป็นเรื่องผลักดันเอาที่ดินจากที่ประชาชนบุกรุก เช็กบิลคนอื่น ที่น่าจะเป็นหน้าที่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากกว่า ดังนั้น หากมีการปรับ ครม.ก็น่าจะเอา ร.ต.อ.เฉลิมมาอยู่กระทรวงทรัพยากรฯ ร.ต.อ.เฉลิมเก่งและรู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องที่ตัวเองรับผิดชอบ

แนะเร่งเคลียร์ปัญหาค่าจ้างก่อนมีชุมนุม

ด้านนายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว.แรงงานเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ใช้แรงงานจะมีการชุมนุมใหญ่เพื่อเรียกร้องรัฐบาลให้ปรับราคาค่าแรงขั้นต่ำเป็น 233 บาทเท่ากันทั่วประเทศในวันที่ 20 พ.ค.นี้ว่า ก่อนที่เหตุการณ์ชุมนุมจะเกิดขึ้น ตนอยากให้ฝ่ายรัฐบาลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หารือร่วมกับผู้นำแรงงานหรือ ตัวแทนกลุ่มผู้ใช้แรงงาน เพื่อเจรจาทำความเข้าใจ และตกลงในเรื่องค่าแรงให้เป็นที่พอใจให้เรียบร้อย เพราะหากรัฐบาลละเลย ปล่อยให้มีการชุมนุมในบ้านเมือง หรือเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ก็จะส่งผลให้เกิดความวุ่นวาย ก่อม็อบชุมนุมที่ไม่เป็นผลดีกับประเทศ และซ้ำร้ายอาจจะทำให้สถานการณ์การเมือง เศรษฐกิจของประเทศแย่ลงกว่าเดิม และหากให้เหตุการณ์ลุกลาม อาจจะทำให้เกิดการปฏิรูปการเมืองในประเทศได้อีกครั้ง

ที่มา ไทยรัฐ 6 พ.ค. 51  03:53

แท็ก คำค้นหา