โดยดึงเข้าร่วมโครงการรัฐเพื่อต่อรองไม่จับกุม ชี้กำลังจะทำผิดกฎหมาย“
กรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีแนวคิดแก้ไขปัญหาวิทยุชุมชน โดยจะจัดทำโครงการทดลองพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและวิทยุชุมชน โดยเปิดให้ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ อีกทั้งมีข้อเสนอจะเจรจากับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อละเว้นการจับกุมในช่วงสูญญากาศ
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าวด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กำลังใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อควบคุมวิทยุชุมชน การอ้างว่าจะดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวดกับผู้ไม่เข้าร่วมโครงการ เท่ากับใช้อำนาจบีบบังคับทางอ้อมให้ผู้ที่ต้องการดำเนินกิจการต่อไป เข้ามาเป็นพวกพ้อง กีดกันผู้ที่มีความเห็นแตกต่างและปฏิเสธความหลากหลาย และการมีข้อต่อรองจะเสนอมิให้ตำรวจจับกุมหากได้เข้าร่วมโครงการก็หมิ่นเหม่ต่อการฝ่าฝืนกฎหมายและส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
2.บทเฉพาะกาลในพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อ 5 มีนาคม 2551 ในมาตรา 78-79 ระบุชัดเจนว่า ระหว่างที่ยังไม่มีองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 เพื่อจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม ให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช) เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนเฉพาะออกใบอนุญาตประกอบกิจการฯชั่วคราวมีอายุไม่เกิน 1 ปีรวมทั้งการกำหนดสัดส่วนผังรายการ โดยทำงานผ่านคณะอนุกรรมการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากหลายฝ่าย แต่จนถึงขณะนี้คณะอนุกรรมการดังกล่าวยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะคณะรัฐมนตรียังไม่แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 6 คน ตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งๆ ที่ กทช. ได้ส่งเรื่องไปให้พิจารณาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น ภารกิจที่สำคัญของรัฐบาลคือการเร่งรัดให้เกิดคณะอนุกรรมการกิจการกระจายเสียงฯ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการแก้ปัญหาวิทยุชุมชนมากกว่าการใช้อำนาจรัฐเข้าไปแทรกแซงหรือกระทำการแทน
3.ปัญหาวิทยุชุมชนเกิดขึ้นยืดเยื้อยาวนานนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2545 การแก้ไขระยะยาว รัฐบาลควรเร่งแก้ไขพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคม พ.ศ. 2543 เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ที่ระบุให้มีองค์กรอิสระองค์กรหนึ่ง กำกับดูแลการจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ทั้งนี้ ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ได้ระบุให้เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลที่จะต้องเร่งรัดให้เกิดกฎหมายเพื่อรองรับองค์กรอิสระ เพื่อจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม ภายใน 180 วัน นับตั้งแต่แถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร แต่จวบจนบัดนี้ ยังไม่มีการดำเนินงานใดๆจากรัฐบาลชุดปัจจุบัน
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เห็นว่า หากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องการแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหาวิทยุชุมชน ไม่ควรใช้แนวทางแก้ปัญหาโดยสร้างความแตกแยกระหว่างผู้ที่ยอมเป็นพวก กับผู้ที่มีความเห็นแตกต่าง แต่ควรเร่งผลักดันให้เกิดคณะอนุกรรมการกิจการกระจายเสียงฯซึ่งมีหน้าที่โดยตรงเพื่อดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ พ.ศ. 2551 นอกจากนี้ ควรต้องเร่งผลักดันกฎหมายเพื่อรองรับองค์กรอิสระดังกล่าว เพื่อให้การปฏิรูปสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์เป็นจริง และสามารถแก้ปัญหาวิทยุชุมชนได้โดยเร็ว ไม่เช่นนั้น การกระทำของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ อาจเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายและผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
23 เมษายน 2551