แถลงการณ์เรียกร้องความชัดเจน กรณีโยกย้ายตำแหน่งฝ่ายข่าวสถานีโทรทัศน์ ไอทีวี

จากการที่ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ลงนามคำสั่งด่วนแต่งตั้งโยกย้าย ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวในตำแหน่งสำคัญ ของ สถานีโทรทัศน์ ทีไอทีวี โดยให้เหตุผลว่า เพื่อรองรับช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นโทรทัศน์สาธารณะตามกฎหมาย   ซึ่งเป็นการดำเนินงานล่วงหน้าก่อนวันเลือกตั้งทั่วไปเพียง  ๑  วัน ทำให้ถูกเชื่อมโยงกับประเด็นทางการเมืองและการทำหน้าที่รายงานข่าวสถานการณ์เลือกตั้งของทีไอทีวี

 

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพด้านวิทยุโทรทัศน์เห็นว่า คำสั่งแต่งตั้งดังกล่าว แม้จะเป็นการใช้อำนาจทางการบริหารของกรมประชาสัมพันธ์ในฐานะผู้องค์กรกำกับดูแล ทีไอทีวี  แต่กิจการสื่อสารมวลชนมีหลักการทางวิชาชีพเป็นเครื่องคุ้มครองเพื่อความเป็นอิสระในการทำงาน โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ซึ่งกำลังจะกลายเป็นโทรทัศน์สาธารณะแห่งแรกของไทยที่คนไทยมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ มิใช่ธุรกิจของบริษัทหรือหน่วยงานรัฐบาลอีกต่อไป   การกำหนดทิศทางบริหารงานหรือการวางกรอบนโยบายของสถานี ควรต้องเป็นไปด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง อีกทั้งควรแก้ปัญหาโดยเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม เนื่องจากขณะนี้ ขั้นตอนสรรหาคณะกรรมการนโยบายและผู้อำนวยการสถานีชั่วคราวยังไม่แล้วเสร็จดังนั้น กรมประชาสัมพันธ์ ต้องมีคำอธิบายชัดเจนต่อสาธารณะและชี้แจงเหตุผลที่แท้จริงในการโยกย้ายและปรับเปลี่ยนตำแหน่งอย่างกะทันหันครั้งนี้

 

สำหรับการปฏิบัติงานในฐานะสื่อมวลชนโดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง จากผลการศึกษาทางวิชาการเรื่อง”สื่อมวลชนกับบทบทในการนำเสนอเนื้อหาการเลือกตั้ง” ในฟรีทีวี ๖ ช่อง ระหว่างวันที่ ๒๑ – ๒๘ พฤศจิกายน  ๒๕๕๐ โดยกลุ่มมีเดีย มอนิเตอร์ ซึ่งระบุว่า แม้ทีไอทีวีจะเป็นสถานีที่ให้พื้นที่เนื้อหาการเลือกตั้งมากที่สุด แต่ก็มีข้อสังเกตว่า วิธีนำเสนอเนื้อหา และการคัดเลือกข้อเท็จจริงมานำเสนอยังไม่รอบด้านเพียงพอ  การใช้ภาษาในลักษณะเหน็บแนมแหล่งข่าว  และมีการรายงานในลักษณะ  “ปกป้องและแก้ตัวให้นักการเมือง”  อย่างชัดเจน  จนอาจเข้าข่ายมีอคติในการรายงานข่าวได้   แม้สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีจะมั่นใจในความเป็นกลางในการทำหน้าที่สื่อสารมวลชนที่ผ่านมา แต่สมาคมฯ เห็นว่าข้อสังเกตดังกล่าวก็ไม่ควรถูกละเลยหรือมองข้ามไป หากทีไอทีวีจะเปิดใจกว้างและรับฟังข้อมูลเพื่อนำไปประกอบการรายงานข่าวให้เป็นกลาง สมดุลและเปิดโอกาสให้กับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม ก็จะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับองค์กร  และประโยชน์ก็จะตกเป็นของประชาชนผู้รับข่าวสารอย่างแท้จริง

 

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย

๒๒   ธันวาคม ๒๕๕๐

แท็ก คำค้นหา