ประธานคมช. อย่ากระโดดลงหลุมดำ

ประเวศ วะสี

 

“หลุมดำ” (black Holes) เป็นศัพท์ทางฟิสิกส์ซึ่งหมายถึง บริเวณในดาราจักรที่มีความหนาแน่นสุดประมาณจนมันดูดทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นมวลสารหรือแสงทุกชนิดกลืนกินเข้าไปหมดจนมืดมิดไม่เหลืออะไรออกมาได้

เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๕ ผมเขียนเตือน พล.อ.สุจินดา คราประยูร ว่า “อย่ากระโดดลงหลุมดำ”มันจะกลืนกินชื่อเสียงเกียรติยศของเขาไปหมด ผมมีเพื่อนหมอรุ่นน้องที่เป็นเพื่อนของสุจินดา และบอกผมว่าสุจินดาเป็นคนดี แต่คำเตือนของผมช้าไปแล้วเหตุการณ์ที่ตามมาคือ พฤษภาทมิฬเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว

ปัจจุบัน ณ เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๐ หลายฝ่ายกำลังวิตกกังวลว่าประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอยจากการที่ประธาน คมช.จะกระโดดลงหลุมดำโดยเข้าไปเล่นการเมือง คำครหาและความไม่เชื่อถือไว้วางใจจะเกิดขึ้นต่อตัวท่าน ต่อกองทัพ และต่อการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น

ประการหนึ่ง เขาจะกล่าวหาว่าที่ท่านทำรัฐประหารมามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ต้องการมีอำนาจ

ประการหนึ่ง การที่เป็น ผบ.ทบ. และประธาน คมช. แล้วพลุ้บไปเป็นนักการเมืองทันทีทันใด เขาจะสงสัยว่าต่อท่อเอากองทัพเข้าไปสนับสนุนการเมือง จะทำให้ทหารอาชีพไม่สบายใจและไม่เป็นคุณกับระบอบประชาธิปไตย ความเป็นกลางของกองทัพ ความเป็นทหารอาชีพ ความปลอดจาการแทรกแซงทางการเมือง จะทำให้กองทัพมีศักดิ์ศรีและเป็นคุณต่อระบอบประชาธิปไตยยิ่งนัก การทำให้กองทัพมีภูมิคุ้มกันจากการเมือง มีประโยชน์ต่อประเทศมากกว่า เอากองทัพไปต่อท่อกับการเมือง

ประการหนึ่ง ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปถ้ามีประธาน คมช.ไปลงกับพรรคใดพรรคหนึ่ง จะทำให้เกิดความรู้สึกว่าการแข่งขันไม่ยุติธรรม เพราะมีการต่อท่อกองทัพเข้าไปสนับสนุนพรรคนั้น ความรู้สึกว่าขาดความยุติธรรมเป็นความรู้สึกที่รุนแรงยิ่งนัก คุณทักษิณมีอำนาจล้นฟ้าแต่ต้องพังลงเพราะทำให้คนรู้สึกว่าขาดความยุติธรรม การเมืองที่มีเงินจำนวนมากหนุนหลังกับการเมืองที่มีกองทัพหนุนหลังจะนำไปสู่วิกฤตทั้งคู่ การเมืองต้องมีปัญญาและความดีหนุนหลังบ้านเมืองจึงจะพ้นวิกฤต

ความเชื่อถือไว้วางใจ (Trust) เป็นทุนที่สำคัญที่สุดในการที่ทำให้ทำอะไรสำเร็จ ถึงมีอำนาจล้นฟ้า แต่ถ้าขาดความเชื่อถือไว้วางใจเสียแล้วก็ต้องพังลง เงินอาจจะซื้ออะไรๆ ได้ แต่กี่ร้อยกี่พันล้านก็ซื้อความเชื่อถือไว้วางใจไม่ได้ ความเชื่อถือไว้วางใจจะเกิดได้จากความบริสุทธิ์แห่งกาย วาจา ใจ เท่านั้น

บ้านเมืองที่ติดขัดและไม่หลุดจากปลักแห่งความวิกฤตก็เพราะคิดกันเชิงอำนาจ มุ่งชนะมากกว่ามุ่งความถูกต้อง คุณทักษิณก็เป็นนักการเมืองที่มีอำนาจมากที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถจะพาบ้านเมืองไปรอดแล้ว เราจะคิดมีอำนาจกันไปอีกทำไม

ต่อไปพรรคการเมืองแทนที่จะมุ่งชนะ ทำอะไรๆ ก็ได้ขอให้ชนะ ซึ่งก็จะวนไปสู่สภาวะวิกฤตอีก ควรมุ่งที่ความถูกต้อง ไม่ต้องชนะก็ได้ขอให้ถูกต้อง แล้วความถูกต้องจะถักทอกันไปเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบเอง บ้านเมืองไปไม่ได้แล้วด้วยการคิดเชิงอำนาจและการมุ่งเอาชนะ มีแต่พลังของความถูกต้องเท่านั้นที่จะช่วยให้บ้านเมืองพ้นวิกฤต

การไม่มีตำแหน่งใช่ว่าจะทำความถูกต้องไม่ได้ การมีอำนาจเสียอีกที่ทำให้ทำถูกต้องได้ยาก มหาตมะ คานธี ไม่เคยมีตำแหน่งทางการเมืองหรือทหารเลย อินเดียเอาชนะพลังอำนาจเกรียงไกรของจักรภพอังกฤษได้ด้วยพลังของความถูกต้อง

ประธานคมช. จึงต้องคิดดูให้ดี ๆ และต้องรีบด้วย เพราะต้นไม้แห่งความไม่เชื่อถือไว้วางใจกำลังโตวันโตคืน คำพูดแบบนักการเมืองที่กำกวมทำให้ผู้คนเขาตีความกันไปแล้วด้วยความห่วงใย คำว่า 50-50 ทางการเมืองเขาแปลว่า 100 0C

เมื่อพระพุทธองค์ตรัสว่า “เราหยุดแล้ว” หรือเมื่อพล .อ. เปรม ติณสูลานนท์พูดว่า “ผมพอแล้ว” ทั้ง ๆ ที่มีคนอยากให้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ คำว่า “หยุด” คำว่า “พอ” เป็นอมตวาจาที่มีผลมาก คำว่า “หยุด” คำว่า“พอ” ไม่แปลว่าการล้มหายตายจากไปจากความรับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์และความดี

ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้อาจจะผิดก็ได้ ประธาน คมช.ไม่จำเป็นต้องเชื่อผม แต่ขอให้คิดทบทวนดูให้ดี ๆ

แท็ก คำค้นหา