รวมสื่อในรัฐธรรมนูญ : ควบรวมกิจการสื่อโทรคมนาคม-สื่อมวลชน ?

ผศ.สุรสิทธิ์ วิทยารัฐ
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

การรับฟังความคิดเห็นร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังดำเนินการ มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับสื่อ ซึ่งถกเถียงกันไม่จบ โดยเฉพาะในประเด็น การควบรวมหน่วยงานกำกับ กทช. กับ กสช. ในร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับรับฟังความคิดเห็น หมวดที่ 3 ส่วนที่ 7 สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลและสื่อมวลชน มาตรา 45-47 กล่าวไว้ว่า

มาตรา 47 คลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคม เป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติเพื่อประโยชน์สาธารณะ

ให้มีองค์กรของรัฐ ที่เป็นอิสระองค์กรหนึ่งทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ตามวรรคหนึ่ง และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม …..

มาตราข้างต้นโดยเฉพาะในวรรคสอง เป็นความเปลี่ยนแปลงที่กำหนดให้เกิดขึ้นในวงการสื่อสารโทรคมนาคม และกิจการสื่อสารมวลชนไว้ โดยอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญ แบบที่เรียกว่า พลิกจากเดิมอย่างชัดเจน เดิมในมาตรา 40 ที่ระบุถึงประเด็นคลื่นความถี่ไม่มีการกำหนดไว้ในลักษณะนี้

แนวความคิดข้างต้น ได้รับการคัดค้านไม่น้อยจากวงการสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะจากกลุ่มนักวิชาการ ส่วนผู้ประกอบกิจการด้านวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ก็มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ส่วนผู้ประกอบกิจการสื่อสารโทรคมนาคม ส่วนใหญ่เห็นด้วย อะไรคือความแตกต่างของความคิดในเรื่องนี้ ? มีประเด็นพิจารณา 2 กรณีคือ

กรณีแรก – การทบทวนและเสนอขอแก้ไข พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2543 ในหลายประเด็น รวมทั้งการเสนอให้พิจารณาแก้ไข ให้รวม กทช.-กสช. ที่ดำเนินการโดยคณะอนุกรรมาธิการศึกษากฎหมายการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมและการสื่อสาร คณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ยังไปไม่ถึงไหน

แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กลับนำ เรื่องที่สภานิติบัญญัติยังไม่แก้ไขกฎหมาย มีกำหนดเอาไว้ในกฎหมายแม่ น่าจะเป็นประเด็นที่ควรทบทวนความเหมาะสม

นอกจากนั้น ในประเด็นที่เสนอขอแก้ไขนี้ พบว่าในห้วงเวลาของการระดมความคิดเห็นได้เคยถกเถียงกันอย่างกว้างขวางมาแล้ว เป็นงานคนละภารกิจ ที่มีความสำคัญแตกต่างกัน จนในที่สุด ได้กำหนดเป็นกฎหมาย การควบรวมองค์กรถือเป็นเรื่องหลักของการปฏิรูปสื่อ เพราะองค์กรข้างต้นทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนให้การปฏิรูปสื่อในสังคมไทยเป็นความจริง

ดังนั้น ผู้เกี่ยวข้องในการเสนอ และหรือผลักดันให้มีการควบรวมองค์กร กทช. กสช. ไม่มีข้อมูลในประเด็นความคืบหน้าเหล่านี้ หรือว่าไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่กำลังขับเคลื่อนในการปฏิรูปสื่อของทุกภาคส่วนกระนั้นหรือ จะกลายเหมือนกับว่ายกร่างโดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับบริบทแวดล้อมของปัญหาการปฏิรูปสื่อ เหมือนการล็อกสเปคเวลามีการประมูลซื้อจ้างครุภัณฑ์ ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย มีความผิด !

กรณีที่สอง – การหลอมรวมสื่อ (CONVERGENCE) หรืออาจเรียกการบรรจบของเทคโนโลยีสื่อ หรือการควบรวมสื่อ ซึ่งเป็นความจริงในเวลานี้ ที่เทคโนโลยีเกี่ยวกับสื่อทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ เทคโนโลยีการแพร่ภาพและเสียง เทคโนโลยีการพิมพ์ และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ โดยมีเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม เป็นปัจจัยสนับสนุนให้วิวัฒนาการมาพบกัน

ในประเด็นนี้ เป็นสาเหตุหลักที่สนับสนุนให้ควบรวมกิจการสื่อสารโทรคมนาคมและกิจการสื่อสารมวลชน ผลกระทบจะเกิดความสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ และประชาชนอาจจะไม่ได้ใช้บริการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการหลอมรวมเทคโนโลยีสื่อ สำหรับเหตุผลการควบรวมที่ว่า เพราะ กสช. ไม่เกิด ประเทศชาติ และสังคมไทยสูญเสียที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเสนอควบรวม กทช. กสช. นั้น ในภายหลังไม่มีความชอบธรรมในการกล่าวอ้าง เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่กฎหมายการสรรหา กสช. แต่ปัญหาอยู่ที่กระบวนการที่ไม่โปร่งใส เป็นธรรม จนเป็นสาเหตุให้ตุลาการมีวินิจฉัยเป็นโมฆะไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม นักวิชาการหลายท่านได้แสดงความเห็นว่า การบรรจบกันของสื่อมิได้ทำให้สื่อดั้งเดิมแปลงโฉมหน้าเป็นสื่อใหม่แบบทันทีทันใด แต่เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และไม่คิดว่าสื่อใหม่จะเข้ามาแทนที่สื่อดั้งเดิม แต่จะมาแบบเปลี่ยนแปลงสภาพแบบค่อยเป็นค่อยไป

เอเวอร์เรตต์ โรเจอร์ นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนที่มีชื่อเสียงในทฤษฎีนวัตกรรม กล่าวให้ข้อคิดในเรื่องนี้ว่า ประวัติศาสตร์ของการสื่อสารมีอะไรมากกว่าการรวมกันของสื่อ หรือการเกิดสื่อใหม่มาแทนที่สื่อเก่าแต่จะเป็นการเปิด “พื้นที่ของโอกาสที่มีศักยภาพมาก” ในการพัฒนาของสื่อใหม่

ความเชื่อที่ว่าการบรรจบกันของเทคโนโลยีสื่อเป็นผลที่แยกไม่ออกจาก “การรวมกิจการในธุรกิจสื่อ” (MERGERS) ทั้งๆ ที่กระบวนการของการแปลงสภาพเทคโนโลยีของสื่อยังค่อยเป็นค่อยไป และใช้เวลามากกว่าสิ่งที่มองเห็นในเวลานี้ ซึ่งอาจจะเป็นแต่เพียงโอกาสที่เกิดขึ้นเฉพาะครั้งเฉพาะคราวก็เป็นได้ ขณะที่การแปลงสภาพของเทคโนโลยีสื่ออาจจะใช้เวลามาก และมิใช่เป็น “การรวมกันของสื่อ” (INTEGRATED ENTITY) แต่อาจเป็น “การเกิดใหม่ของสื่อ” (NEW ENTITY) ก็เป็นได้

การหลอมรวมสื่อ (CONVERGENCE) จึงเป็นที่มาของความขัดแย้งในประเด็นร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 เพราะสามารถมองได้ในมิติของเทคโนโลยีและธุรกิจ ที่มีผลต่อการขยายตัวของกิจการทางธุรกิจของการประกอบการสื่อสารโทรคมนาคม แต่การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย เป็นมิติทางสังคมที่ต้องคำนึงถึงประโยชน์และผลกระทบทางสังคมเป็นหลัก จึงย่อมได้รับการสนับสนุนจากนักธุรกิจ นักการตลาด นักวิศวกรสื่อสารโทรคมนาคม เป็นหลักที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและธุรกิจสื่อสาร แต่กลับถูกคัดค้านจากนักวิชาการสาขาสื่อสารมวลชนในมิติทางสังคม

ผศ.สุรสิทธิ์ วิทยารัฐ

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2550

แท็ก คำค้นหา