ตามที่รัฐบาลได้เสนอพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาในวันที่ ๒๔ และ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๔๘ นั้น สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ในฐานะองค์กรตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน มีความเห็นร่วมกัน ดังต่อไปนี้

๑) พระราชกำหนดดังกล่าว มิได้ตราขึ้นโดยยึดหลักนิติธรรม (Rules of Law) จึงมีเนื้อหาขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ โดยชัดแจ้ง ดังที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ รวมทั้งองค์กรวิชาชีพและนักวิชาการด้านกฎหมายจำนวนมากจาก ๑๒ สถาบัน ได้แสดงความเห็นคัดค้านตลอดมา เป็นกรณีที่ชอบด้วยหลักการการตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐตามรัฐธรรมนูญ

๒) กระบวนการตรากฎหมายในรูปของพระราชกำหนดเป็นการหลีกเลี่ยงการออกกฎหมายตามปกติ โดยการรวบรัดมุ่งจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเป็นสำคัญ การกระทำเช่นนี้ ผูกพันให้ประเทศไทยในฐานะรัฐภาคีของสมาชิกกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights) จำต้องแจ้งผ่านเลขาธิการสหประชาชาติไปยังรัฐภาคีอื่นเพื่อให้ทราบถึงบทบัญญัติซึ่งตนได้หลีกเลี่ยงและเหตุผลของการหลีกเลี่ยงดังกล่าวโดยทันที หากรัฐใดบิดพลิ้วไม่ดำเนินการ ย่อมเป็นการละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศ

ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น องค์กรตัวแทนผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนทั้ง ๓ องค์กร จึงขอเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภา ในฐานะตัวแทนปวงชนชาวไทย ที่มิได้อยู่ในอาณัติของพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง ได้ใช้ดุลยพินิจที่เป็นอิสระและรอบคอบ ในการพิจารณาคัดค้านพระราชกำหนดนี้ ตามที่ได้ปฏิญาณตนไว้ก่อนปฏิบัติหน้าที่ว่า “จะรักษาไว้ และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๘