บทสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีกัมพูชาสมเด็จฮุนเซน

094

บทสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีกัมพูชาสมเด็จฮุนเซน

ในโอกาสที่ประเทศไทยและประเทศกัมพูชาได้จัดงานครบรอบ60 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต กระทรวงการต่างประเทศไทยได้เชิญนักข่าวไทยและตัวแทนสื่อไทยจำนวน  10 คน ไปเยือนประเทศกัมพูชาระหว่างวันที่  18 -21 ธันวาคม  2553 เพื่อเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีกัมพูชาสมเด็จฮุนเซน

 

นายวิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย  เป็นตัวแทนเข้าร่วมคณะไปด้วย ในช่วงการเข้าเยี่ยมคารวะและสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จฮุนเซน ท่านบอกว่าประเทศไทยและประเทศกัมพูชา เป็นเหมือนลิ้นกับฟัน  ที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ แม้ว่าบางครั้งอาจจะมีการทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่ทั้งสองประเทศก็ยังเป็นมิตรที่ดีต่อกัน และต้องรู้จักเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขให้ไ ด้

 

บทสัมภาษณ์ข้างล่างที่ผู้อ่านจะได้อ่านจากนี้เป็นบทสัมภาษณ์ที่คณะผู้สื่อข่าวและผู้แทนองค์กรสื่อไทยได้ร่วมกันถามนายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จฮุนเซน ที่วิมานสันติภาพซึ่งเป็นทำเนียบนายกรัฐมนตรี
ภายหลังจากที่ทั้งสองประเทศครบรอบ60 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ท่านนายกรัฐมนตรีอยากเห็นความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเป็นไปในลักษณะใด และเป็นรูปธรรมใด ในปีหน้า

ผมต้องขอบอกว่าในปัจจุบันความสัมพันธ์ของทั้ง  2 ประเทศราบรื่นมาก ดีมาก หลังจากที่ผมและนายกรัฐมนตรีประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีการพบปะหารือพูดคุยกันถึง  4 ครั้งในช่วงที่ผ่านมาหลังจากที่ประเทศของเราระหองระแหงกัน จากการพบกันทั้งผมและนายกอภิสิทธิ์ก็เห็นพ้องต้องกันว่าทั้งสองประเทศต้องใช้มาตรการทวิภาคีที่มีอยู่เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาของประเทศทั้ง  2 โดยอย่างแรกก็คือพวกเราจะต้องหลีกเลี่ยงการปะทะกันทางการทหาร อย่างไรก็ตามสำหรับความสัมพันธ์อย่างเป็นรูปธรรมในปีหน้า ผมคิดว่าเรื่องความสัมพันธ์ของประเทศเราทั้ง 2  มีปัจจัยหลายอย่างที่เข้ามาเกี่ยวข้อง และต้องผลักดันให้เกิดความร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือระหว่างประชาชนไทยกับประชาชนกัมพูชา ทหารกับทหาร ฝ่ายปกครองกับฝ่ายปกครอง พูดง่ายๆว่าทั้งสองประเทศต้องส่งเสริมความร่วมมือในทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานของเจ้าหน้าที่และทหารบริเวณชายแดน ที่ต้องลดการเผชิญหน้า ซึ่งบางครั้งขวดแตกเพียงขวดเดียวต่างฝ่ายต่างก็เข้าใจว่ามีการใช้อาวุธเกิดขึ้น

ส่วนในประเด็นของอดีตนายรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ที่ผมแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของผม และปัจจุบันได้ลาออกไปแล้ว เรื่องนี้จบไปนานแล้วและทั้ง 2  ประเทศก็เข้าใจ อย่างไรก็ตามผมขอยืนยันว่าคุณทักษิณก็ยังเป็นเพื่อนของผมเหมือนเดิม ผมไม่ได้เป็นคนไม่มีคุณธรรม แต่ในนามของรัฐบาลกัมพูชาผมต้องทำงานร่วมกับรัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ แต่ทั้งสองเรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน

ท่านนายกมีแนวคิดและแนวปฏิบัติในการแยกความร่วมมือ ออกจากความขัดแย้งระหว่างทั้ง 2 ประเทศได้อย่างไร

พวกเราต้องเริ่มจากการหลีกเลี่ยงจุดเล็กปัญหาเล็กไม่ให้ลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่ผมอยู่ตรงนี้ผมสามารถควบคุมความขัดแย้งนี้ได้ไม่ให้ลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะบริเวณชายแดนที่ประเทศทั้ง 2 มีชายแดนติดต่อกันกว่า  800 กิโลเมตร ตรงนี้ผมสามารถพูดกับพวกคุณได้เลยว่าเราสามารถควบคุมสถานการณ์นี้ได้แล้ว

คำถามนี้สืบเนื่องกับกรณีความขัดแย้งเรื่องเขาพระวิหารที่อยู่บริเวณชายแดนไทยกัมพูชา การประชุมของคณะกรรมการมรดกโลกขององค์การยูเสนโก หรือองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมของสหประชาชาติที่จะจัดขึ้นที่ประเทศบาห์เรนในเดือนมิถุนายนปีหน้า ท่านคิดว่าประเทศไทยและกัมพูชาจำเป็นต้องปรึกษาหารือเรื่องการจัดการเขาพระวิหารด้วยกันก่อนหรือไม่

ผมก็ได้พูดคุยกับนายกอภิสิทธิ์แล้วในเรื่องนี้ และก็ได้บอกรองนายกรัฐมนตรีของผม นาย ซก อัน ที่จะต้องเป็นตัวแทนกัมพูชาไปหาวิธีพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย นายสุวิทย์ คุณกิตติ ก่อนเพื่อว่าเราสองประเทศจะได้ไม่ไปทะเลาะเบาะแว้งกันที่การประชุมมรดกโลก วิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดคือเราต้องหาเวลามาคุยกันก่อน
คำถามนี้ควรหรือไม่ควรแล้วแต่ท่านจะอนุญาต ด้วยบุคลิกภาพของท่านที่ดูเป็นคนตรงไปตรงมา เวลาที่ท่านให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นท่านจะโต้ตอบกลับทันที เวลามีเรื่องเกี่ยวกับเขาพระวิหาร จริงๆแล้วท่านเป็นคนแบบไหน

( ฮุนเซน และ ผู้เข้าร่วมอื่นๆ หัวเราะ)    ผมก็เป็นธรรมชาติของผมอย่างนี้ ผมเป็นคนตรงๆ ชอบพูดตรงๆ ผมไม่ชอบปกปิดอะไรไว้ในใจ ไม่ใช้วิธแบบนักการทูต ทั้งๆที่ผมเคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศตั้งแต่ผมอายุพียง 27  ปี  ผมทำงานมาตลอดกว่า  32 ปี ผมไม่เคยใช้ภาษาทางการทูตเลย ผมไม่ชอบภาษาทางการทูต มันคดไปคดมา  ผมเป็นคนไม่ทำใครก่อนแต่ถ้ามีคนมาทำผมก่อนผมจะตอบโต้ให้หนักเป็น  3 เท่าเลย มีคนบอกผมว่าถ้าผมจะตายก็เพราะความเป็นคนตรงของผม ลูกน้องผมทั้งหลายรู้ดีว่าผมเป็นคนแบบไหน ใครที่ผมยังคุยด้วยก็ถือว่าผมแคร์ แต่ถ้าผมไม่คุยด้วยผมก็พร้อมที่จะปลดเขาออกจากตำแหน่งทันที ผมขอมีความสุขในชีวิตผม ผมไม่ต้องการให้ใครมารบกวนผมก็เท่านั้น ซึ่งแต่ละวันมีนักข่าวเขียนด่าผมก็ไม่น้อย

ในโอกาสที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชากำลังจะกลับมาสู่ปกติ ท่านจะฝากอะไรถึงประชาชนชาวไทยบ้าง

ผมขอยืนยันกับประชาชนชาวไทยว่าผมจะสร้างความสัมพันธ์กับทั้ง 2 ประเทศให้ดียิ่งขึ้นไปยังชั่วกัลปาวสานและผมขอแสดงความขอบคุณคนไทยที่แสดงความช่วยเหลือต่อประชาชนชาวกัมพูชาตลอดมา

แท็ก คำค้นหา