สุนทรพจน์ นายกรัฐมนตรีประเทศไทย

“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”  นายกรัฐตรี คนที่ 27

ประกาศใช้หลักนิติธรรม-นิติรัฐฟื้นฟูชาติสร้างสามัคคี

กล่าวหลังจากได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์

รายละเอียดคำแถลงของ “อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ”
“พี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่านครับ ผมรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมสำนึกเสมอครับว่า ผมเกิดมาเป็นข้าของแผ่นดิน ต้องสนองคุณแผ่นดินและผมสำนึกมาตลอด ว่า แผ่นดินไทยของเรานั้น ร่มเย็นเป็นสุขตลอดมาก็ด้วยพระบารมี วันนี้ ผมยืนตรงนี้ในฐานะนายกรัฐมนตรี ผมขอยืนยันว่า รัฐบาลที่ผมเป็นผู้นำนั้น จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และจะเทิดทูนสถาบันนี้ มิให้ผู้ใดทำให้สถาบันนี้ไม่อยู่เหนือความขัดแย้งในทางการเมือง ด้วยประการทั้งปวง

ผมขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และพี่น้องประชาชนทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนและให้กำลังใจ ให้ผมมายืนอยู่ตรงนี้

ผมทราบดีครับว่า สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ไม่ปกติ เป็นสถานการณ์ที่วิกฤต และพี่น้องประชาชนคนไทยมีความทุกข์ แต่ผมถือว่าผมเป็นนักการเมืองในวิถีทางประชาธิปไตย ผมเป็นอาสาสมัคร และผมไม่มีสิทธิ์ที่จะหนีปัญหา หรือปฏิเสธความรับผิดชอบ เมื่อเสียงข้างมาก ซึ่งเป็นเสียงข้างมากเดิมในสภาผู้แทนราษฎรมีปัญหา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสียงส่วนใหญ่ได้ตัดสินใจสนับสนุนผมขึ้นมาตามวิถีทางของประชาธิปไตย และวิถีทางของกระบวนการของรัฐสภาของเรา

หน้าที่เบื้องต้นของผม คือ การยุติการเมืองที่ล้มเหลว การเมืองที่ล้มเหลวคือต้นเหตุของความขัดแย้ง การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งภาค แบ่งสี ที่เกิดขึ้นอยู่ในประเทศของเราในขณะนี้ ผมจะขจัดการเมืองที่ล้มเหลวออกไปและจะนำความสมัครสมานสามัคคีกลับคืนมา โดยอาศัยความยุติธรรมเป็นกระบวนการนำหน้า รัฐบาลภายใต้การนำของผมจะยึดหลักนิติธรรม นิติรัฐ จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค และจะเคารพในกระบวนการและเจตนารมณ์ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย วันนี้ประเทศของเราต้องมีความสามัคคี ผมขอยืนยันว่า ผมจะทำงานให้กับคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเลือกผมหรือไม่เลือกผม ไม่ว่าจะสนับสนุนผมหรือแม้แต่ต่อต้านผม ท่านจะเป็นใครก็ตาม หากท่านไม่คิดร้ายต่อบ้านเมือง ท่านไม่ใช่ศัตรูของผม และท่านเป็นอีกคนหนึ่งที่ผมต้องรับใช้อย่างเต็มความสามารถ

งานใดที่เป็นประโยชน์ แม้จะเป็นของรัฐบาลก่อน ผมขอยืนยันว่า ผมจะไม่ทิ้ง จะสานต่อ จะปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการรักษาฟรี ไม่ว่าจะเป็นบรรดากองทุนทั้งหลายที่ลงไปอยู่ในชุมชนต่างๆ และผมทราบดีครับว่า ปัญหาเร่งด่วนที่สุดในใจพี่น้องประชาชนขณะนี้ คือ ปัญหาเศรษฐกิจ การฟื้นฟูเศรษฐกิจจึงเป็นงานสำคัญอันดับแรก สำหรับรัฐบาลที่จะต้องดำเนินการต่อไป

ผมมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ครับ ที่จะดูแลให้พี่น้องเกษตรกรของเราไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะราคาพืชผลที่ตกต่ำอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยาง ปาล์ม ผมจะดูแลให้พี่น้องประชาชน ที่อยู่นอกภาคเกษตร ยังมีงานทำ มีรายได้ มีโอกาส และผมจะทำทุกวิถีทางที่ลดภาระค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน ตามแนวทางวาระประชาชนและแผนปฏิบัติการเร่งด่วน ซึ่งผมเคยนำเสนอต่อพี่น้องประชาชนมาก่อนหน้านี้

ทันทีที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อสภา ผมจะได้นำเสนอแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่ครอบคลุมทุกปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของพี่น้องเกษตรกรผู้ใช้แรงงาน ภาคเศรษฐกิจต่างๆ ตั้งแต่อุตสาหกรรม การบริการ การท่องเที่ยว หรืออสังหาริมทรัพย์ แต่ขณะเดียวกัน แม้ว่าบ้านเมืองหรือเศรษฐกิจของเราจะมีวิกฤตอย่างไร ผมยืนยันว่า เราจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาระยะยาวด้วย ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาที่หมักหมม สะสมมา เป็นปัญหาที่ยังเรื้อรัง ค้างคา และเป็นปัญหากับการพัฒนาประเทศในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมยืนยันว่า งานด้านการศึกษายังเป็นงานที่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดของประเทศ และผมจะดำเนินการให้การเรียนฟรี มีคุณภาพเกิดขึ้น

นอกจากนั้น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำ ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง การคมนาคม การสื่อสาร อินเทอร์เน็ต รวมถึงการสนับสนุนพลังงานทดแทน เพื่อความยั่งยืนในการพัฒนาของประเทศของเรานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นงานที่จะต้องมีการเริ่มต้นและผลักดันอย่างรวดเร็ว เพราะผมไม่เพียงต้องการที่จะให้เราฝ่าวิกฤตไปในครั้งนี้ หรือยืนอยู่ในฐานะที่จะแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้เท่านั้น ผมต้องการเห็นประเทศไทยเป็นต้นแบบของการพัฒนา ตามวิถีทางประชาธิปไตยที่มีคุณภาพ ที่มีความยั่งยืน

นอกเหนือจากการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในประเทศแล้ว ในฐานะนายกรัฐมนตรี ผมกำลังจะดำรงตำแหน่งประธานของอาเซียนด้วย ผมตั้งใจที่จะให้เพื่อนสมาชิกในอาเซียนมีความมั่นใจในการนำของเรา ในฐานะเจ้าภาพการประชุมสุดยอดที่จะเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดต่อไป และผมจะขออนุญาตว่า หลังจากที่ผมได้กล่าวกับพี่น้องเป็นภาษาไทยแล้ว ที่จะสื่อสารข้อความบางประการถึงสื่อและพี่น้องประชาชนในต่างประเทศด้วย

พี่น้องประชาชนที่เคารพครับ ในฐานะนักการเมืองอาชีพ ผมถือว่าวันนี้ผมได้รับโอกาสสูงสุดจากพี่น้องประชาชน ตามวิถีทางประชาธิปไตย ผมอยู่ในการเมืองมา 16 ปี เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชนมา 7 สมัย เคยเป็นรัฐมนตรี เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง บรรดาประสบการณ์ความรู้ทั้งหมด ผมจะนำมาใช้บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อรับใช้ผลประโยชน์ส่วนรวมเท่านั้น และผมยืนยันกับพี่น้องประชาชนที่ได้สนับสนุนผมมาตลอดว่า ผมจะไม่ละทิ้งอุดมการณ์ แนวทางการทำงานของผม และปล่อยสิ่งเหล่านี้ให้สูญหายไปกับการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง หรือปล่อยปละละเลยให้เกิดความไม่ถูกต้องขึ้นในบ้านเมืองนี้

ผมอยากจะเรียนกับพี่น้องสุดท้ายครับว่า คุณค่าในแง่ของประสบการณ์ของนักการเมืองอาชีพ ที่สำคัญที่สุด ก็คือ ความผูกพันกับพี่น้องประชาชน ผมเคยเป็นผู้แทนราษฎรของพี่น้องชาวกรุงเทพฯ 4 สมัย วันที่ผมก้าวเข้ามาสู่การเมือง และต้องไปขอคะแนนเสียงกับพี่น้องประชาชน ผมได้สัมผัสชัดเจนกับพี่น้องจำนวนมากที่เป็นคนจนเมือง ที่อยู่บนความยากลำบาก ที่อาจจะกล่าวได้ว่า คุณภาพชีวิตอาจจะต่ำที่สุด ผมไม่ลืมความทุกข์ยากเหล่านั้น และรู้ว่าผมจะต้องแก้ไขโดยเฉพาะในยามที่เศรษฐกิจมีปัญหา ผมไม่ลืมพี่น้องที่อยู่ในภาคกลาง ภาคตะวันออก ซึ่งผมได้ใช้เวลาหลายต่อหลายครั้งในการไปเยี่ยม รวมทั้งจัดทำวาระประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ หรือเรื่องสังคม หรือเรื่องอื่นๆ ผมไม่ลืมพี่น้องชาวใต้ ซึ่งยืนเคียงข้างกับผมในทางการเมืองมาโดยตลอด และผมทราบว่าสิ่งที่พี่น้องประชาชนชาวใต้ใฝ่ฝันที่จะเห็นที่สุด ก็คือ เรื่องของความเป็นธรรม และแน่นอนสำหรับพี่น้องใน 3 จังหวัด ผมไม่ลืมครับว่า ความใฝ่ฝันสูงสุดของท่าน ก็คือ ความสันติสุข และความสงบสุข ที่ท่านรอคอยที่จะให้เกิดขึ้นในพื้นที่ของท่าน ผมไม่ลืมพี่น้องชาวเหนือ ที่ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนหลายต่อหลายครั้ง ทั้งยามที่ท่านมีความสุข ยามที่ท่านมีความทุกข์ เช่น ช่วงที่ท่านประสบกับภัยพิบัติ หรือภัยธรรมชาติ และผมยังจำได้ว่า ในการหาเสียงครั้งที่ผ่านมา ในภาคเหนือ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง วิ่งตามรถแห่หาเสียงและตะโกนกับผม ว่า อยากฝากบ้านเมืองไว้กับผม

และสำหรับพี่น้องชาวอีสานครับ 16-17 ปี บนถนนการเมือง ผมไปเยี่ยมเยียนท่านหลายครั้ง ได้รับรู้ปัญหา ความทุกข์ ความยากจนของทุกๆ ท่าน และไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ได้ร่วมปั้นข้าวเหนียวข้างเถียงนา ที่สนทนากันที่ไร่มันสำปะหลัง ผมไม่ลืม และที่ผมอดที่จะเอ่ยถึงไม่ได้ คือ คุณยายเนียม ที่ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ที่ครั้งสุดท้ายที่ผมได้ไปรณรงค์หาเสียงนั้น ท่านมอบแหวนวงนี้ให้กับผม และบอกผมว่า ยายหมั้นคุณอภิสิทธิ์ให้กับคนอีสานแล้ว ผมไม่ทราบว่า คุณยายเนียม กำลังดู หรือฟังสิ่งที่ผมพูดอยู่หรือไม่ แต่อยากบอกกับคุณยาย ว่า วันนี้ คนที่รับแหวนจากท่าน จะทำงานให้ท่าน ทำงานให้กับญาติพี่น้องของท่าน ทำงานให้กับชาวอีสานของท่าน และคนไทยร่วมชาติกับท่านอย่างเสมอภาค ด้วยความทุ่มเทและด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

ผมทราบดีครับว่า คนหนึ่งคนไม่สามารถที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่าง หรือแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ และผมรู้ว่า จากนี้ไป ผมคงไม่สามารถทำให้คนทุกคนรักผม เห็นด้วยกับผม หรือแม้แต่สนับสนุนผมได้ แต่ผมยืนยันว่า ผมจะฟังเสียงทุกคนและทำงานให้ทุกคน และผมจะใช้การทำงานของผมในการพิสูจน์ความตั้งใจในการทำงานให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน และจะให้เป็นเครื่องพิสูจน์ทุกสิ่งทุกอย่าง

ผมพูดมาตลอดว่า แม้ว่าในชีวิตของผมไปใช้อยู่ในต่างแดนเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ผมไม่เคยมีความรู้สึกว่า มีที่ไหนที่น่าอยู่เท่ากับประเทศไทย ผมเชื่อมั่นในประเทศไทย ผมเชื่อมั่นในคนไทย ไม่ว่าเราจะเจอกับปัญหาอุปสรรคหนักหนาสาหัสเพียงใด ผมยังเชื่อในคนไทยและประเทศไทย และผมเชื่อว่า ถ้าผมได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ พลังของพวกเราจะทำให้ประเทศของเรานั้น ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ และเราจะได้ร่วมกันสร้างอนาคตที่ดีให้กับลูกหลานของคนไทยทุกคน ผมมั่นใจครับว่า เราทำได้ ขอขอบพระคุณครับ

สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี คนที่ 26  “จะบริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นในกระบวนการยุติธรรม เพื่อเกิดความเป็นธรรมในบ้านเมือง

รายละเอียดคำแถลงการณ์ ของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

“ท่านพี่น้องประชาชนคนไทยที่เคารพรักทุกท่าน วันนี้ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กระผม นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บริหารราชการแผ่นดิน สนองพระเดชพระคุณ พระมหากรุณาธิคุณซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้น หาที่สุดมิได้ในครั้งนี้ เป็นสิริมงคลแก่กระผมและครอบครัวอย่างสูงสุด กระผมจะขอเทิดทูนไว้เหนือชีวิต ด้วยความจงรักภักดีตลอดไป

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพทุกท่าน กระผมขอยืนยัน ณ โอกาสนี้ว่า จะบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โดยการทุ่มเท เสียสละ ด้วยวิริยะอุตสาหะ ด้วยความมีคุณธรรม ยึดมั่นในหลักกฎหมาย ยึดมั่นในหลักแห่งกระบวนการยุติธรรม เพื่อความเป็นธรรม เรียบร้อยในบ้านเมืองของเรา

พี่น้องประชาชนที่เคารพครับ ขณะนี้ในประเทศบ้านเมืองของเรานั้น ก็มีปัญหาที่จะต้องดำเนินการแก้ไข คงจะเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า บางครั้งเรามีความขัดแย้งทางความคิด การขัดแย้งเหล่านั้นผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่เราคงจะต้องมองว่า เกิดขึ้นแล้ว ทำอย่างไรจึงจะนำพาไปสู่ความปรองดองสมานฉันท์และความเป็นปึกแผ่นของบ้านเมืองเราต่อไป ผมคิดว่าสิ่งนี้คงต้องคิดกันอย่างรอบคอบ และมีเหตุผล

ผมประสงค์ที่จะให้พี่น้องประชาชนชาวไทยของเราได้กลับมาร่วมกันคิด คิดว่าความเป็นพี่เป็นน้องของเรานั้น จะต้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง ความเป็นชาติ ความเป็นปึกแผ่นแน่นหนา ความเจริญก้าวหน้าของพี่น้องประชาชนร่วมกันนั้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เราน่าจะหันหน้าเข้ามาสู่ความปรองดอง อะลุ่มอล่วย ให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ถือโทษโกรธกัน และจะต้องมีความเมตตาอารี เอื้ออาทรแก่กัน ผมคิดว่าสิ่งนี้ ย่อมมีอยู่ในหัวใจของเราทุกคน ถ้าหากว่าเราได้ดำเนินการ มีวิธีคิดที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม

พ่อแม่พี่น้องที่เคารพทุกท่านครับ ผมคิดว่า หากเราได้ยึดหลักอย่างนี้แล้ว ประเทศชาติของเราจะกลับคืนมาสู่ความร่มเย็นเป็นสุข ภายใต้พระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของเรา จะทำให้เราได้ร่วมกันพัฒนาประเทศชาติ ให้วัฒนาถาวรต่อไป

ขณะนี้เรามีปัญหาอื่นๆ ที่จะต้องร่วมกันแก้ไขอีกมากมายนะครับ ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของพ่อแม่พี่น้องประชาชน ซึ่งรัฐบาลของกระผมที่จะได้เกิดขึ้นโดยสำเร็จสมบูรณ์โดยเร็ววันนี้ จะคำนึงถึงประโยชน์สุข ความอยู่ดีกินดีของพี่น้องประชาชน เป้าหมายสูงสุดก็คือ การร่วมกันนำพาประชาชนของเรา ประเทศชาติของเรา ไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและวัฒนาถาวร

เรามีปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้าเข้ามาหลายด้าน อย่างปัจจุบันนี้ เรื่องเกี่ยวกับเงินทุนที่ค่อนข้างจะไหลเข้ามาน้อยในประเทศของเรา หรือปัญหาที่บริษัทต่างชาติซึ่งมีเงินทุนจำนวนมาก เกิดประสบความล้มเหลวในการบริหาร กระทบกระเทือนถึงภาวะเศรษฐกิจในบ้านเรา หลายสิ่งหลายอย่างเหล่านี้ ผสมผสานกัน ผมคิดว่าถ้าหากเราไม่ช่วยกันแก้ไขแล้ว ใครจะมาช่วยเราแก้ไข คนไทยเท่านั้นครับที่จะต้องหันหน้าเข้าหากัน และร่วมมือกันแก้ไขสิ่งซึ่งมีปัญหาเกิดขึ้นในบ้านเรา

ผมขอเชิญชวนพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่าน ช่วยกันครับ ทุกท่านเป็นหุ้นส่วนของประเทศของเรา รัฐบาลนั้นเป็นผู้มีหน้าที่ในการบริหารให้เกิดพลัง และผลักดันประเทศชาติของเราให้เดินหน้าต่อไป แต่ถ้าหากมีความมุ่งมั่นอย่างไรก็ตาม ประชาชนในชาติไม่รักสามัคคีกัน ไม่ร่วมกันผลักดันแล้ว ก็คงจะสำเร็จลงไปได้ยาก ผมหวังว่าพี่น้องประชาชนทั้งหลายคงจะได้ร่วมมือกัน ณ โอกาสนี้

ขอขอบคุณประชาชนชาวไทยทุกท่าน ที่จะได้มีโอกาสเข้ามาร่วมกันนะครับ เข้ามาร่วมกันในการที่จะสรรค์สร้างความรักความสามัคคีในการที่จะร่วมกันเสริมสร้างภาวะเศรษฐกิจที่ดีให้แก่บ้านเมืองของเรานะครับ ขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชน เพื่อนข้าราชการ ที่จะได้นำเอานโยบายทั้งหลาย ความประสงค์ของพี่น้องประชาชนทั้งหลาย ไปปฏิบัติการให้เป็นความจริงขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นถ้าทุกฝ่าย ทุกท่าน ได้ร่วมมือกันแล้ว ผมมั่นใจว่าความประสงค์ของเราทุกคนจะประสบความสำเร็จพร้อมกัน นำพาประเทศชาติของเราไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในที่สุด ขอกราบขอบพระคุณทุกท่านครับ”

นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน

นายกรัฐมนตรี คนที่ 25

ซึ่งได้รับการโปรดเกล้าเมื่อวันที่ 29  มกราคม พ.ศ. 2551  นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้แถลงเปิดใจภายหลังจากรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 25 ที่บ้านพักซอยนวมินทร์
  รายละเอียดคำแถลง ของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนที่ 25  
“กระผม นายสมัคร สุนทรเวช ขอสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ไว้วางพระราชหฤทัยแต่งตั้งให้ผมทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ขอเรียนท่านที่เคารพที่มาร่วมในงานนี้ ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มาร่วมในการแสดงความยินดีในงานซึ่งผมจะมารับหน้าที่ ซึ่งร่วมกับท่านทั้งหลายในบางส่วนที่ทำงานอยู่ด้วยกัน กระผมเดินทางมาในเรื่องของการเมือง ตลอดชีวิตผมค่อนชีวิตอยู่ในวงการเมืองตั้งแต่การเมืองท้องถิ่น จนมาเป็นการเมืองระดับชาติ เป็นรัฐมนตรี เป็นรองนายกรัฐมนตรี แล้วก็ย้อนกลับไปทำงานท้องถิ่น และก็ตั้งใจว่า จะเกษียณอายุทางการเมืองในตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา ได้รับเลือกตั้งมาแล้ว ทำหน้าที่อยู่เพียง 5 เดือน ก็เกิดการปฏิวัติยึดอำนาจ

เมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ ได้มีโอกาสและมีผู้คนที่รวบรวมกันมา สามารถจะตั้งพรรคการเมือง ซึ่งมีจิตวิญญาณทางการเมือง ซึ่งผู้คนนั้นยังมีศรัทธาอยู่ ผมก็รับทำหน้าที่ ขอประกาศให้ท่านทั้งหลายได้ทราบทั่วกันว่า ผมเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ชื่อพรรคพลังประชาชน ผมมีสมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งมา 233 คน แล้วก็มาจัดคณะรัฐมนตรีตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด แล้วก็จะเริ่มดำเนินการ เมื่อได้เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตามกฎหมายแล้ว ตามหน้าที่แล้ว ก็จะทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองนี้

ขอประกาศให้ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ในบ้านเมืองนี้ ไม่ว่าจะเป็นพวกพ้อง หรือจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยชอบหน้ากัน ได้รู้ว่าผมเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองนี้ ผมทำงานการเมือง แน่นอนผมเคยเป็นมาแล้วทุกตำแหน่ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ผมยืนยันกับท่านทั้งหลายว่า ผมจะทำการนี้ได้ ใครต่อใครจำนวน 24 ท่าน ที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาแล้วนั้น ก็เป็นคนไทยเหมือนกับผม มีความรักชาติ มีความผูกพันในศาสนา และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ผมได้พูดเสมอ ว่า ในจิตใจคนไทยนั้น ชีวิตจิตใจความผูกพันนั้น อยู่ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ และเราอยู่กันมาได้ตลอดรอดฝั่งจนถึงวันนี้ ไม่ได้นับย้อนหลังไปเพียงสิบ เพียงร้อย แต่นับได้หลายร้อยปี เรายังดำรงสถาบันนี้อยู่ และสถาบันนี้ก็จะอยู่คู่ประเทศไทยไปอีกนาน ใครก็ตามแต่ที่บังอาจในอดีต ได้เอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาทำการเหยียบย่ำผู้คนอื่น โดยการกล่าวหาว่าเขาไม่จงรักภักดี ข้อหานี้เป็นข้อหาร้ายแรง ผมแน่ใจว่าพี่น้องประชาชนคนไทยเสียงข้างมาก ที่ได้แสดงตัวเลขให้เห็น ด้วยตัวเลข 233 นั้น อย่างน้อยที่สุดไม่ได้เกี่ยวกับโรงศาล แต่เกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิด ว่าคนที่ถูกกล่าวหานั้น เขาไม่ได้ไม่จงรักภักดีอย่างที่ไปกล่าวหากัน เรื่องนี้เป็นเรื่องของชีวิตของคน ทั้งชีวิต ทั้งครอบครัว ที่โดนเกิดเหตุ

ผมเป็นนักการเมือง ผมเห็นว่า เมื่อผมจะสามารถทำการเมืองเพื่อพิสูจน์ได้ ผมก็ทำการเมืองนี้ และบัดนี้เป็นข้อพิสูจน์ ผมขอให้ใครก็ตามที่เคยดูหมิ่นถิ่นแคลนคนด้วยการเขียนหนังสือ ด้วยการว่ากล่าว ด้วยการพูดจาถากถาง เหมือนกับผมเป็นคนที่ไม่มีความสามารถ เป็นคนที่ไม่เคยรู้เรื่องต่างๆ นั้น ผมขอยืนยันว่า ท่านต้องให้เวลาผมทำงานนี้

นายกรัฐมนตรีคนที่แล้วทำงานมา 16 เดือน ท่านก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกับผม ท่านเชี่ยวชาญเรื่องการทหาร และไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องการอื่นเลย แต่ท่านก็ถือหางเสือดูแลบ้านเมืองนี้ได้มาปกติ ผมเป็นนักการเมือง ผมรู้ในเล่ห์กลการเมือง วิธีการเมือง การบริหารบ้านเมือง ไม่ทุกแขนง แต่คนที่มานั้นมากันทั้งคณะรัฐมนตรี ผมไม่ได้บริหารบ้านเมืองนี้คนเดียว ขอให้ท่านเชื่อใจเถอะครับว่า ผมจะทำหน้าที่ดูแลงานของบ้านเมืองนี้ งานการเมืองที่บริหารกันนั้น มันเหมือนรถยนต์นะครับ ถ้าใครเห็นรถยนต์คันใหม่ รุ่นใหม่ที่สุด จะขับนั้น ถ้าขับเป็นแล้วเพียงแต่ถามว่าพวงมาลัยมันอยู่ข้างไหน เกียร์มันเกียร์กระปุก หรือเกียร์ออโตเมติก มันจะมีเครื่องละออกละเอียดตรงไหน ถ้าหน้าฝนก็ดูว่าปัดน้ำฝนอยู่ตรงไหน ปลอดภัยก็ดูเบรก ดูน้ำมันเครื่อง ดูน้ำมันเต็มถัง เปิดแท็งก์ตรงไหน เปิดหน้าตรงไหน เปิดหลังตรงไหน เท่านั้นล่ะครับ เราออกขับ ใครโชคดีก็ขับถนนใหญ่ 8 ช่อง 9 ช่อง 10 ช่อง ขับไปไม่มีปัญหา ใครโชคไม่ดีก็อาจจะเล่นขับตอนกลางคืน ขับถนนขรุขระ ขับถนนขึ้นเนินขึ้นเขา ขับถนนซึ่งไม่เป็นปกติ

แน่นอนครับ ผมมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล และจะขับรถคันนี้ในเวลาที่ไม่ปกติ ผมขอวิงวอน โปรดให้ความสนับสนุนรัฐบาลที่ตั้งขึ้นใหม่ เป็นรัฐบาลผสม จะชั่วดีถี่ห่างก็เป็นคนไทยด้วยกัน มาจากพรรคการเมืองที่ตั้งใจด้วยกัน 6 พรรค จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองนี้ให้เดินหน้าต่อไปได้

ขอบพระคุณทุกท่านที่มาร่วมงาน ขอบพระคุณโทรทัศน์ทุกช่องที่ช่วยถ่ายทอด ไม่มีโอกาสไหนหรอกครับจะพูดกับประชาชนคนไทยได้ในเวลานี้

ขอใช้เวลาเพียงเท่านี้ล่ะครับ ไม่รีบร้อน ไม่ลุกลน และไม่ได้ถือว่าจะต้องมีฤกษ์งามยามดี แต่จังหวะนั้นเท่านี้พอเพียงครับ ขอยืนยันว่าที่ต้องพูดอย่างนี้ เพราะสถานการณ์ที่ผ่านมานั้นบังคับให้ผมต้องพูด ผมถูกดูหมิ่นดูแคลนจากผู้คนในแวดวงหนึ่ง ซึ่งผมจะไม่ออกชื่อ ผมยอมอดทนอดกลั้น และผมจะอดกลั้นต่อไป ผมจะทำหน้าที่ดูแลบ้านเมืองนี้ด้วยความรับผิดชอบอย่างที่ได้ประกาศเมื่อสักครู่นี้ ขอท่านทั้งหลายได้โปรดให้กำลังใจด้วย ขอบพระคุณครับ”

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐตรี คนที่ 24

รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม

ณ ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลาประมาณ  วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551

  รายละเอียดคำแถลง ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
“ผมขอถือโอกาสนี้เรียนผ่านสื่อมวลชนไปยังพี่น้องประชาชนทั่วประเทศด้วย เพราะว่าเป็นโอกาสแรก ซึ่งผมตระหนักดีว่าผมมารับตำแหน่งหัวหน้าผู้บริหารในครั้งนี้ มิได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มาจากการแต่งตั้ง เพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ซึ่งคงเป็นปัญหาหลัก ๆ 2 ประการ ประการแรก คงเป็นปัญหาเรื่องทางการเมือง ประการที่สอง คงเป็นปัญหาในเรื่องของภาคใต้

ผมตระหนักดีว่าปัญหาทั้งสองปัญหานี้เป็นปัญหาที่มีความสำคัญ และต้องการความปรองดอง ความเข้าใจ ที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหา ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่สำคัญของเรา เหตุหลัก ๆ ที่พอจะประมวลได้น่าจะเกิดจากความไม่เป็นธรรมในสังคมของเรา ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาทั้งการเมืองและสถานการณ์ในภาคใต้ ดังนั้น ผมจึงขอเรียนวิงวอนต่อพี่น้องประชาชนทุกคนว่า ผมใคร่ขอความร่วมมือที่จะร่วมกันช่วยแก้ไขปัญหาทั้งสอง การที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาทั้งสองเรื่องนี้ ก็อยู่ที่ความสามัคคี ความรักใคร่ปรองดองของพวกเราทุกคน ที่จะร่วมมือกันแก้ไข

ในหน้าที่ของผมนั้นซึ่งถือว่าเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารคงจะพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถภายในกรอบระยะเวลาที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวได้กำหนดไว้ คือประมาณ 1 ปี เมื่อจบสิ้นวาระแล้วก็เป็นหน้าที่ของพี่น้องประชาชนทุกคนที่จะได้มีการเลือกตั้งเพื่อสรรหาฝ่ายบริหารที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่ตามความต้องการของพี่น้องประชาชนทุกคน ขอเรียนในเบื้องต้นไว้เพียงเท่านี้

พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐตรี คนที่ 23

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันวันที่ 9 มีนาคม 2548  (รอบ 2)

“ท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร คณะรัฐมนตรี ท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนข้าราชการ ท่านผู้มีเกียรติ พี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่านครับ ผมมีความรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างหาที่สุดมิได้ ที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้กระผมเป็นนายกรัฐมนตรีอีกวาระหนึ่ง ผมต้องขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 377 ท่านจากพรรคไทยรักไทย และท่านบรรรหาร ศิลปอาชา และ 2 ท่านจากพรรคมหาชน ที่ได้กรุณาให้ความไว้วางใจผมในวันนี้ แต่สิ่งที่ผมต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่งก็คือ พี่น้องประชาชนคนไทยทั้ง 19 ล้านคน ที่ได้ลงคะแนนให้ผม และพรรคไทยรักไทย ทำให้ผมได้รับหน้าที่ ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งในวันนี้

การที่รัฐบาลมีเสียงมาก ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมาก ทำให้เกิดความมั่นคงและเสถียรภาพทางการเมือง ผมขอยืนยันต่อพี่น้องประชาชนว่า เสถียรภาพทางการเมืองจะไม่ถูกใช้ในทางที่ผิดอย่างแน่นอน เสถียรภาพทางการเมืองครั้งนี้จะถูกใช้เพื่อนำมาซึ่งความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของคนในชาติ และจะใช้ในการขจัดปัญหาและอุปสรรคที่เรื้อรังของประเทศที่มีมายาวนาน ให้ได้รับการแก้ปัญหาอย่างลุล่วงไปด้วยดี และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมจะใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ให้มีสังคมที่ดีขึ้น ให้มีการศึกษาที่ดีขึ้น และให้มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น

พี่น้องที่เคารพครับ ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นปัญหาที่ยังไม่ทำให้ประเทศชาติเป็นหนึ่ง เพราะฉะนั้น ผมจะเดินหน้าต่อไปในการปกป้อง คุ้มครองผู้บริสุทธิ์ จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมาภายใต้รัฐธรรมนูญ จะมีการดูแลการศึกษาและเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการที่พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนได้แสดงความห่วงใยท่านไว้แล้ว พี่น้องครับ ผมขอยืนยันสิ่งที่ได้พูดไว้ในระหว่างการรณรงค์เลือกตั้ง ผมจะทำทุกอย่างที่พูด เพราะก่อนพูดได้คิดแล้ว ไตร่ตรองแล้วว่า ถ้าได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนมากอย่างนี้ต้องทำได้ และก็จะทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งหลายคนบอกว่าอยากและทำไม่ได้ ผมมั่นใจว่าผมและคณะจะทุ่มเทและทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ เรื่องที่น่าสนใจอันหนึ่งที่พี่น้องประชาชนห่วงใยก็คือ เรื่องการศึกษา ผมจะพัฒนาการศึกษา จะมีการปฏิรูปการศึกษาในรูปแบบต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตั้งแต่การมองเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้ทุกคนได้ก้าวไปสู่การเตรียมตัวเข้าสู่สังคมฐานความรู้

ท่านจะเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศชาติอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าวันนี้เราได้พ้นโค้งมา ที่โค้งที่มากที่สุดของการเปลี่ยนแปลงประเทศ แต่ยังไม้พ้นทางโค้งทั้งหมดทีเดียว นั่นก็คือความต่อเนื่องในการเปลี่ยนแปลงยังต้องดำเนินการต่อไป และผมจะเป็นคนเดิมที่กล้าตัดสินใจบนพื้นฐานประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนต่อไป ผมจะทำให้ประเทศทันสมัยขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการศึกษา เรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน เรื่องการดำรงชีวิต เรื่องของการยกฐานะเศรษฐกิจ เพื่อให้คนไทยทุกคนมีค่าจ้างหรือผลตอบแทนในการทำงานที่สูงขึ้น และที่สำคัญคือจะนำเทคโนโลยีมาใช้

พี่น้องที่เคารพ ในอดีตเราพูดกันมากถึงปัญหาสังคมใน 4 ปีนี้ ปัญหาสังคมจะได้รับการดูแล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของครอบครัว เยาวชน ยาเสพติด หรือเรื่องของสุราและยาสูบ ประชาธิปไตยจะได้รับการพัฒนามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรปกครองท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนให้องค์กรอิสระมีความอิสระและเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการทำงานของเอ็นจีโอที่สร้างสรรค์ ผมจะเคารพในองค์กรเอกชนที่ไม่มีวาระซ่อนเร้น ผมจะเพิ่มอำนาจให้กับประชาชน และจะคืนอำนาจที่กฎหมายต่างๆ ที่มีอยู่เอาเข้ามามากเกินความจำเป็น เพื่อที่จะคืนอำนาจนี้กลับคืนประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เสรีแห่งชีวิตนั้นเกิดขึ้นอย่างแท้จริง ผมจะผลักดันให้การมีส่วนร่วมนั้นเกิดขึ้นในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นการที่ผมจะออกไปเยี่ยมและพบประชาชน รับฟังความเห็นและปัญหาของเขาโดยตรง หรือเป็นการที่เราเรียกกันว่า Public Hearing หรือการรับฟังสาธารณะ หรือแม้กระทั่ง

Referendum หรือการลงประชามติ หากจำเป็นในเรื่องสำคัญๆ ก็จะทำ นอกจากนั้น พรรคไทยรักไทยซึ่งเป็นพรรครัฐบาล หรือเราจะเรียกรัฐบาลนี้ว่า “รัฐบาลไทยรักไทย” ก็ย่อมได้ จะจัดให้มีการเลือกตั้งเบื้องต้น หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Primary ในปี 2551 เพื่อให้ผู้แทนทุกคนได้รับการยอมรับจากสมาชิกก่อนที่จะลงรับสมัครเลือกตั้งจริง

ผมจะมีการพัฒนาสิทธิมนุษยชน ผมจะเชิญองค์กรที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนมาพูดกัน เพื่อหาทางให้ยกระดับสิทธิมนุษยชนของไทย ผมจะให้มีการตั้งศูนย์ติดตามคนหาย มีการพิสูจน์ศพนิรนามทั้งหลาย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคมนี้ ผมจะพัฒนาความสัมพันธ์กับสื่อมวลชนที่เคารพศักดิ์ศรีประเทศ และปรารถนาดีต่อบ้านเมือง ผมจะพยายามเข้าใจสื่อที่ยังต้องตามการพัฒนาให้ทัน ผมจะบริหารประเทศโดยใช้หลักการบริหารการจัดการที่ดี หรือ Good governance โดยการใช้ระบบเป็นตัวนำ เพื่อให้ทุกอย่างโปร่งใสเท่าที่จะทำได้ และขอยืนยันว่า จะทำให้ระดับความน่าเชื่อถือของประเทศในด้านการทุจริตคอร์รัปชั่นนั้นได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เท่าที่ผมพูดมา ผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรีร่วมกับผม ต้องยอมรับว่าเหนื่อยหน่อย เพราะว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และท้าทายมาก ถึงแม้ว่าผมและคณะรัฐมนตรีจะทำงานหนัก ตั้งใจ จริงใจ อย่างไรก็ตาม ผมไม่สามารถให้คนไทยทั้ง 63 ล้านคน พอใจในการตัดสินใจทุกเรื่อง ทุกเวลา แต่การตัดสินใจของผมทุกครั้งจะเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานแห่งผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นที่ตั้ง ผมจะไม่ยอมเปลี่ยนความไว้วางใจจากประชาชนเป็นความไม่ไว้วางใจ ผมจะเปลี่ยนความไว้วางใจของพี่น้องประชาชนให้เป็นความไว้วางใจที่มากขึ้นเรื่อยๆ ผมจะยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางในการทำงาน ผมจะยึดพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการทำงาน และถึงแม้ว่าผมจะให้ความเคารพในการนับถือศาสนาของทุกคน คนไทยทั้งประเทศ เพราะเราเป็นประเทศที่มีเสรีภาพทางศาสนา แต่ผมเป็นคนไทยพุทธ ผมจะยึดหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าในการทำงาน และทำหน้าที่ของผม

สุดท้าย ผมขอขอบคุณภรรยาและลูกของผม เพราะว่าสิ่งที่ท้าทายข้างหน้ามันหนักหนา เพราะพี่น้องประชาชนคนไทยยังลำบาก ยังยากจนอยู่ และผมได้บอกกับเขาว่า ผมจะแก้ปัญหาความยากจนให้เขาซึ่งมันเป็นเรื่องใหญ่ เพราะฉะนั้น ผมคงมีเวลาน้อยกับครอบครัว คงเบียดบังเวลาครอบครัวไปมาก แต่ผมเชื่อว่าเขาเข้าใจ ต้องขอขอบคุณที่ให้พ่อมาทำหน้าที่รับใช้พี่น้องประชาชน

และสุดท้าย ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง และก็ขอเรียกร้องว่า วันนี้ถ้าเราอยากจะเข้มแข็ง โดยส่วนตัว หรือครอบครัว หรือโดยประเทศชาติ ที่เราเรียกกันว่า Collective afford หรือความทุ่มเท ความพยายามร่วมกันทั้งประเทศ เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ หวังว่าทุกท่านคงพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายทั้งหลาย ขอเรียนว่าท่านจะเห็นทุกอย่างที่เปลี่ยนแปลงจากนี้ไป ท่านจะเห็นรถไฟฟ้า ท่านจะเห็นการพัฒนาน้ำ พัฒนาโรงเรียน พัฒนาสาธารณสุข และพัฒนาระบบไอทีทั้งประเทศ และที่สำคัญคือระบบการบริหารการจัดการที่ทันสมัย จะเกิดขึ้นแน่นอนใน 4 ปีข้างหน้า ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่มาให้กำลังใจและมาแสดงความยินดีกับผมในวันนี้ครับ ขอขอบคุณครับ”

แท็ก คำค้นหา